• จากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เมื่อวันนี้มองไปทางไหนก็เห็น Blockdit บนจอดิจิตอลเต็มทั่วกรุงเทพฯ ความน่าสนใจของแคมเปญนี้อยู่ที่การหยิบเรื่องราวสั้นๆของคอนเทนต์ที่สามารถหาอ่านต่อได้ในแพลตฟอร์ม Blockdit มาเป็นตัวดึงดูดความสนใจและโน้มน้าวคนที่พบเห็นให้เกิดความรู้สึกอยากติดตามอ่านคอนเทนต์ต่อใน Blockdit
• รู้มั้ยว่า แต่ละจอขึ้นคอนเทนต์ไม่เหมือนกัน เมื่อ Blockdit เลือกขึ้นคอนเทนต์แบบ Personalization โดยคอนเทนต์จะแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ ยกตัวอย่างเช่น คอนเทนต์ประวัติศาสตร์ ขึ้นบนจอดิจิตอลบริเวณอนุสาวรีย์ชัย หรือ คอนเทนต์การจราจร ขึ้นบนจอดิจิตอลบริเวณถนนที่รถติดอันดับต้นๆอย่างสาทร
• มากไปกว่าการเลือกใช้คอนเทนต์แบบ Personalization เพื่อให้เข้ากลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปแล้วนั้น Blockdit ยังเลือกใช้คอนเทนต์ที่สั้น กระชับและโดนใจผู้อ่าน เช่น

“ถ้าอ่านข้อความนี้จบ 50 ครั้ง แปลว่ารถติดมาแล้ว 5 นาที”
“เป็นด้อมทั้งที ทำไงให้เปย์ลูกได้ทั้งวง”
“รู้ป่ะ! เราเสียอะไรบ้าง ก่อนจะมีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันนี้”
“เรื่องเงินเรื่องใหญ่ เกษียณยังไงให้สำราญ”
“เวลานี้ มีใครง่วง นอนไม่อิ่ม รู้สึกตุยเย่ วาตานาเบ้ไอโกะ”

จากออฟไลน์สู่ออนไลน์ แน่นอนว่าเมื่อคอนเทนต์โดนใจ ชวนให้คนสงสัย ย่อมดึงดูดให้ผู้ที่พบเห็นโฆษณา อยากตามไปอ่านต่อบนออนไลน์ และสื่อนอกบ้านยังมีส่วนช่วยเสริมให้เกิดกระแสพูดถึงบนโลกออนไลน์อีกด้วย เมื่อหลายเพจดังได้แชร์ภาพแคมเปญ จนมียอดไลค์กว่า 66,500 ไลค์ ยอดแชร์กว่า 4,480 ครั้ง

นี่คืออีกหนึ่งแคมเปญที่บอกเล่าเรื่องราวของกลยุทธ์ O2O marketing เป็นการเชื่อมโลกออนไลน์กับออฟไลน์ได้เป็นอย่างน่าสนใจ